สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ เมื่อมีปัญหาด้านเครื่องยนต์เล็ก ๆ น้อย ๆ มักจะใช้บริการของศูนย์ซ่อมของตัวแทนจำหน่าย เมื่อล่วงเลยระยะหมดประกันหลายคนขอไปใช้บริการจากอู่ซ่อมข้างนอก โดยพยายามเสาะแสวงอู่ที่ฝีมือดี ราคาที่ย่อมเยา สมเหตุสมผล ผมเองได้พบพี่คนหนึ่งที่มีรถรับจ้าง เขามักจะดูแลรักษารถด้วยตนเองเสมอ ไม่ว่าจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทำสี ตอนนี้อายุรถของเขามากกว่า 25 ปี ยังขับรับจ้างได้อยู่อีกและไม่โทรมด้วย และเคยเห็น อาจารย์ ดร. ผู้หญิงที่จบจากอเมริกา ดูแลรักษารวมทั้งซ่อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตนเอง แกเล่าว่า เริ่มดูแลรักษารถด้วยตนเองตั้งแต่เรียนอยู่ที่อเมริกา เพราะที่นั่นค่าแรงงานราคาแพงมาก เขามักจะ DIY กันเยอะ เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ชอบทำด้วยตนเองถ้ามีเวลาว่าง
ผมจึงเกิดมีความคิดอยากทำด้วยตนเองบ้าง เพราะตอนไปใช้บริการจากอู่ซ่อมรถ มักจะคอยดูวิธีการทำ พยายามสอบถามเอาบ้าง หรือศึกษาจากตำราบ้าง เมื่อรถมีปัญหาจึงสามารถเอาตัวรอดนำรถกลับถึงบ้านได้
ผมมีรถ Mitsubishi รุ่น Lancer E-Car ปี 1993 ปัญหาที่เกิดครั้งแรกคือ หม้อน้ำเดือด เข็มความร้อนเต็มเสกล ทั้งที่ตอนขับจะดูเข็มอยู่เรื่อย ๆ สังเกตุเห็นผิดปรกติเข็มสูงเกินครึ่ง ก่อนถึงบ้าน ประมาณ 10 กม. ฝืนขับต่อ แต่เครื่องมาดับก่อนถึงบ้านไม่ถึง 1 กม. ต้องจอดรอให้เครื่องเย็น จากนั้นค่อยเปิดเติมน้ำที่หม้อน้ำ สตาร์ตขับต่อไปได้ เมื่อเข้าศูนย์ช่างถอดวาล์วน้ำมาต้มนำ้ดูข้างนอก ปรากฏว่าสปริงไม่ยอมยืดออกมา แสดงว่าวาล์วน้ำไม่ทำงาน ต้องเปลี่ยนใหม่ พร้อมกับปะเก็นของเครื่องยนต์ใหม่ นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที่เครื่องยนต์ร้อน
เมื่อต้องขับทางไกลจึงวางแผนว่า ต้องซื้อวาล์วปิดเปิดเอาไว้เป็น Spare part ติดรถไว้ 1 อัน ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นจริง ตอนขับรถจาก กทม. กลับหาดใหญ่ หม้อน้ำร้อนขึ้น ต้องหยุดรถก่อนเครื่องดับ จึงใช้ประแจแหวนที่ซื้อมาประจำรถถอดเปลี่ยนวาล์วที่สำรองเอาไว้ด้วยความมั่นใจว่าน่าจะเกิดจากอาการเดิม ตอนนั้นเสียแถว ๆ สมุทรสงคราม แล้วขับต่อ ก่อนถึงเพชรบุรีเครื่องร้อนอีก ต้องเข้าร้านซ่อมหม้อน้ำ ปรากฏว่าหม้อน้ำตัน ต้องล้างหม้อน้ำ เสียเวลาไป 2 ชม. กลับเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง
ได้ความรู้จากช่างเขาแนะนำว่าถ้าพบว่าเครื่องร้อน มีความร้อนขึ้นที่หม้อน้ำ ให้รีบดับเครื่องยนต์แต่ให้เปิดแอร์ทำงาน เพราะพัดลมระบายความร้อนของแอร์จะช่วยพัดระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้ ไม่ทำให้เครื่องยนต์พังก่อนกำหนด
ตอนหลัง ๆ มานี้พยายามตรวจดูว่าหม้อน้ำสกปรก มีน้ำเกิดสนิมเยอะหรือไม่ ถ้ามีให้เปลี่ยนถ่ายน้ำด้วยตนเอง วิธีการถ่ายน้ำนั้นไม่ยาก เพียงแต่เรารอให้เครื่องยนต์เย็น หม้อน้ำเย็น แล้วเปิดรูระบายน้ำซึ่งอยู่ด้านล่างของหม้อน้ำ หมุนเกลียวถอดธรรมดา พร้อมกับเปิดฝาหม้อน้ำด้านบนออกมา น้ำจะไหลออกจนหมด แนะนำให้ใช้น้ำประปาฉีดไล่สนิมภายในหม้อน้ำออกเสียก่อน แล้วค่อยปิดรูระบายน้ำกลับเหมือนเดิม เติมน้ำเข้าทางฝาด้านบนจนเต็ม ส่วนถังที่เก็บน้ำพัก ซึ่งต่อท่อมาจากหม้อน้ำให้ถอดออกมาเททิ้งเสียด้วย ให้เติมน้ำยารักษาหม้อน้ำในถังนี้จะช่วยยืดการเกิดสนิมในน้ำ เขาว่าทำให้น้ำไม่ร้อนจัดด้วย อย่าลืมปิดฝากลับให้สนิท ถ้าถอดหม้อพักน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีเป่าน้ำให้น้ำไหลออกมาก็ได้
ตอนนี้จึงไม่เกิดปัญหาหม้อน้ำร้อนอีกเลย
ในตอนนี้จะพูดถึงการเปลี่ยนหัวเทียน ซึ่งจากการค้นหาความรู้จากในเว็บ หลายคนแนะนำว่า เมื่อครบ 20,000 กม. ให้เข้าอู่ เปลี่ยนหัวเทียนได้เลยไม่ต้องรอให้เสีย สำหรับคนที่ไม่เชื่อ แล้วขับต่อไปเรื่อย ๆ รอให้เสียแล้วค่อยเปลี่ยน ให้ระวังจะเสียขณะขับทางไกล ดังนั้นสมควรซื้อสำรองเก็บเอาไว้ในรถ (ของผมตอนนี้ไมล์มากกว่าสองแสนห้าเพิ่งเปลี่ยนหัวเทียนครั้งที่ 3 เอง)
สำหรับอาการที่เตือนว่าหัวเทียนจะเสียให้สังเกต รอบเครื่องยนต์ จะกระตุกเมื่อเราเร่ง ตอนแรกบางคนอาจคิดว่ามีน้ำมันปลอมปน อย่าฝืนขับต่อไปเพราะอาจจะดับขณะขับแซง มันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ โดยเฉพาะถนนที่เป็น 2 เลน
วิธีการเปลี่ยนหัวเทียนด้วยตนเองนั้นไม่ยาก เราสามารถนำเครื่องมือถอดหัวเทียนที่ติดมากับรถ หัวเทียนให้ใช้เบอร์เดียวกับที่ติดรถ ของผมใช้ของ Denso เบอร์ 7 ราคาหัวละ 50 บาท ให้ซื้อจากร้านอะไหล่จะดีกว่า เพราะหัวเทียนราคาไม่แพงคงไม่มีของปลอม
การเปลี่ยนต้องถอดสายไฟออกก่อน แล้วจึงถอดขันหัวเทียนออกมา เอาหัวเทียนใหม่ใส่กลับทันที พร้อมกับสวมสายไฟกลับไป แล้วค่อยทำกับหัวเทียนหัวที่ 2 ต่อไป ข้อควรระวัง อย่าถอดสายไฟจนหมดทุกเส้น แล้วถอดหัวเทียนออกมาหมด แล้วจึงใส่กลับพร้อมกัน เพราะจะทำให้เกิดการสลับสายไฟจุดระเบิดได้ เพราะนั่นคือปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นเพราะจะทำให้เครื่องยนต์ไม่ติดได้
บางตำแหน่งของหัวเทียนอาจจะต้องถอดชุดกรองอากาศออกก่อน ให้ถอดกรองอากาศออกเสียก่อน เพราะใส่กลับไม่ยาก
การทำอะไรด้วยตนเอง นอกจากจะภาคภูมิใจแล้ว ทำให้เกิดทักษะความเป็นช่าง เพื่อเป็นพื้นฐานให้สามารถทำงานที่ยากและซับซ้อนกว่านี้ได้ โดยไม่กลัวมันอีกต่อไป มาฝึกเป็น DIY กันเถอะ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถอเมริกา หรือรถนำเข้า หรือรถเก่า มักจะเกิดปัญหาหาอะไหล่ยาก
บัดนี้ Amazon.com มีบริการขายอะไหล่ หรือผู้ที่ชอบแต่งรถ สามารถค้นหาได้จากลิงค์ค้นหาด้านล่างนี้ครับ